เป็นไปเหมือนที่คาดกันไว้สำหรับ iPhone X รุ่นฉลอง 10 ปี iPhone มีอะไรน่าสนใจบ้างใน iPhone รุ่นพิเศษตัวนี้มาชมข้อมูลสรุปกัน
iPhone X
Apple เปิดตัว iPhone X (ไอโฟนเท็น) รุ่นพิเศษฉลอง 10 ปี iPhone ในงาน Apple Special Event 2017 ที่ผ่านมามีไฮไลท์เด่นๆ ที่น่าสนใจดังนี้
ใช้ชื่อ iPhone X (ไอโฟนเท็น)
Apple ได้เปิดตัวและวางขาย iPhone รุ่นแรกเมื่อปี 2007 และตอนนี้ปี 2017 ผ่านมา 10 ปีแล้ว โดย Apple จะใช้ชื่อ iPhone รุ่นพิเศษนี้ iPhone X (ไอโฟนเท็น) เนื่องจาก X หมายถึง เป็นตัวแทนของเลข 10
ตัวเครื่องและการออกแบบ
iPhone X ใช้ตัวเครื่องพื้นผิววัสดุกระจกทั้งหน้าและหลังเหมือน iPhone 4 มีกรอบสแตนเลสครอบตัวเครื่องโดยรอบ รองรับการชาร์จไร้สาย (Wireless Charging) ผ่านแท่นชาร์จเหมือน Apple Watch
จอ OLED เต็มขอบกว้าง 5.8 นิ้ว Super Retina Display
iPhone X ใช้จอ OLED เหมือน Apple Watch โดยใช้หน้าจอความกว้าง 5.8 นิ้ว (วัดจากแนวทแยง) เทคโนโลยี Super Retina Display ความละเอียด 2436×1125 มีการเว้นช่องสำหรับกล้องหน้า TrueDepth ด้านบน
จอ OLED ช่วยให้ iPhone X สามารถแสดงหน้าจอที่สดใสขึ้น มีความยืดหยุ่นสามารถยืดหรือตรึงให้เต็มพื้นที่หน้าจอตัวเครื่องได้และที่สำคัญเทคโนโลยีจอ OLED ก็จะช่วยให้ประหยัดพลังงานในการแสดงผลได้อีกด้วย
จอภาพ High Dynamic Range (HDR)
iPhone X เป็นจอภาพ High Dynamic Range (HDR) ดูภาพยนตร์และรายการทีวีในรูปแบบ Dolby Vision และ HDR10 ได้ส่วนรูปถ่าย HDR ก็จะดูโดดเด่นสวยงามยิ่งขึ้น
TrueTone Display
Apple เปิดตัวเทคโนโลยี TrueTone Display ใน iPad Pro ที่สามารถปรับสภาพสีและแสงของจอให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมที่ผู้ใช้ใช้งานอยู่ โดย iPhone X จอ OLED มีเทคโนโลยี TrueTone Display ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการแสดงผลเช่นเดียวกัน
Tap to Wake
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ช่วยให้การเปิดหน้าจอทำได้ง่ายขึ้นชื่อว่า “Tap to Wake” หรือแตะเพื่อปลุก โดยการแตะไปที่หน้าจอ 2 ครั้งเพื่อให้หน้าจอแสดงขณะที่ล็อกหรือปิดอยู่ โดยฟีเจอร์นี้มีอยู่แล้วใน Apple Watch จอ OLED
กล้องหน้า TrueDepth
iPhone X ใช้กล้องหน้าความละเอียด 7MP ที่มีคุณสมบัติการวัดระยะวัตถุร่วมกับเซ็นเซอร์ต่างๆ ช่วยให้สามารถถ่ายภาพ Selfie ได้คมชัด มีมิติกว่าเดิม เรียกเทคโนโลยีนี้ว่ากล้องหน้า TrueDepth
กล้องหน้า TrueDepth นวัตกรรมของ Apple มีเซ็นเซอร์มากมายที่ช่วยเรื่องการสแกนใบหน้า Face ID, Portrait Selfie
สแกนใบหน้า Face ID
สแกนใบหน้า (Face ID) มาแทนการสแกนนิ้ว Touch ID เนื่องจาก iPhone X ตัดปุ่ม Home ออกไป โดยเทคโนโลยี Face ID นี้จะใช้กล้องหน้า TrueDepth สามารถสแกนหน้าผู้ใช้งานได้เร็วมากถึงและมีความแม่นยำและเร็ว 1 ใน 1,000,000 เร็วกว่า Touch ID
สำหรับการสแกนใบหน้าทำได้โดยยก iPhone X ขึ้นมา > มองไปที่หน้าจอตัวระบบจึงจะสแกนใบหน้า โดยต้องลืมตาเท่านั้นถึงจะสแกนใบหน้าได้
สำหรับการใช้ใบหน้าที่ไม่ใช่คนจริง ตัวระบบก็จะเรียนรู้และจดจำใบหน้าผู้ใช้ แล้วแยกได้ว่าใบหน้าไหนคือใบหน้าจริง
ด้วยอินฟาเรดของกล้องหน้าช่วยสแกนใบหน้าได้ถึงแม้อยู่ในที่มืด
กล้องหลัง 2 ตัวแนวตั้ง
กล้องหลัง 2 ตัวแนวตั้ง 12MP f/1.8 และ f/2.4 โดยเลนส์ทั้งคู่มีระบบกันภาพสั่น (OIS) ใช้เซ็นเซอร์ใหม่มีขนาดใหญ่ขึ้น ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น
โหมดถ่ายภาพใหม่
การเปลี่ยนไปใช้กล้องหน้า TrueDepth และกล้องหลัง 2 ตัวแนวตั้ง สามารถรองรับการถ่ายภาพโหมดต่างๆ ได้หลายแบบขึ้น เช่น
Animoji
Animoji คือ Emoji ที่เปลี่ยนไปตามรูปแบบการเปลี่ยนแปลงใบหน้าของเราได้
Portrait Selfie
กล้องหน้า TrueDepth รองรับการถ่าย Portrait Selfie ผ่านกล้องหน้า
AirPower แท่นชาร์จไร้สาย (Wireless Charging)
AirPower เป็นแท่นชาร์จไร้สายอุปกรณ์ Apple ได้มากมายไม่ว่าจะเป็น iPhone X, Apple Watch, AirPods โดย AirPower จะเปิดขายปี 2018
ชิพ A11 Bionic ทรงพลัง
ชิพ A11 Bionic ของ iPhone X จะมีประสิทธิภาพที่ดีกว่า A10X มากขึ้นไปอีก โดยชิพ A11 10nm 64-bit มี
- ประสิทธิภาพแรงมากกว่า A10 25%
- ประสิทธิภาพของการจัดสรรทรัพยากรดีขึ้นกว่า A10 70%
- ประสิทธิภาพด้านกราฟิกเร็วๆ กว่า A10 30%
- ประหยัดพลังงานกว่า และใช้ CPU แบบ 6-Core ทั้งนี้ยังมีการใส่ Nueral Engine เข้าไปด้วยทำให้ iPhone X มีความฉลาดสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวมันเอง เช่น การนำมาใช้กับฟีเจอร์ Face ID ที่ระบบจะทำการจดจำใบหน้าของเจ้าของเครื่องไปเรื่อยๆ แม้ว่าใช้งานไปจะมีหนวดขึ้น ผมจะยาวขึ้นหรือหนวดจะขึ้นก็ตาม Face ID จะเรียนรู้โดยการจดจำเอาไว้ทั้งหมดและจะได้รู้ว่านั่นคือตัวคุณ ทำให้สามารถปลดล็อคเครื่องได้
รองรับ Augmented Reality
ระบบความเป็นจริงเสมือนหรือ Augmented Reality ช่วยเปลี่ยนรูปแบบการใช้งาน iPhone ไปอีกขั้นหนึ่ง iPhone X รองรับเทคโนโลยีนี้อย่างแน่นอนและด้วยเซ็นเซอร์ 3 มิติที่มาพร้อมกับรุ่นนี้ ทำให้การใช้ AR ใน iPhone X มีความพิเศษกว่ารุ่นอื่น
รูปแบบการใช้งานแบบไร้ปุ่ม Home (iOS 11)
การตัดปุ่ม Home ออกไปใน iPhone X ทำให้รูปแบบการใช้งานของ iPhone X แตกต่างจากรุ่นอื่น เช่น
เรียก Control Center โดยลากจากมุมบนขวา
กลับมายังหน้า Home ทำได้โดยปัดขอบจอล่างขึ้นมาเพื่อกลับไปหน้า Home
เปิด Multitasking ทำได้โดยแตะค้างไว้ปัดขอบจอล่างขึ้นค้างสักพักเพื่อเปิด
การเรียก Siri ทำได้โดยกดปุ่ม Power ค้างไว้
ความจุ 64GB 256GB
สำหรับความจุของ iPhone X นั้นมีอยู่ 2 ความจุ คือ 64GB และ 256GB ไม่มีความจุขนาดใหญ่ 512GB เหมือนที่ลือกันก่อนหน้านี้
มี 2 สี
iPhone X มีให้เลือก 2 สี คือ สีเทาสเปซเกรย์ Space Gray และสีเงิน Silver
ราคา
- iPhone X 64GB — $999 ดอลลาร์ (ประมาณ 33,000 บาท ไม่รวมภาษีฯ)
- iPhone X 256GB — $1,149 ดอลลาร์ (ประมาณ 38,000 บาท ไม่รวมภาษีฯ)
ราคาทางการในประเทศไทยยังไม่ทราบ
วันเปิดจำหน่าย
- วันเปิดตัว : 12 ก.ย. 2017
- วันเปิดจอง (Pre-Order) : 27 ต.ค. 2017
- วันเปิดขายวันแรก : 3 พ.ย. 2017
- วันเปิดขายในไทยวันแรก : n/a
ขอบคุณบทความ Thitirath Kinaret