ข่าวสาร – รับซื้อแมคทั้งใหม่และมือสอง ให้ราคาสูงสุดในไทย รู้ราคาทันที https://2hand2cash.com 2hand2cash ที่นี่ที่เดียวจบ Mon, 16 Oct 2017 07:55:28 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.4.5 มีจริงหรือไม่? กับทฤษฎี Apple จงใจวางยาไอโฟนรุ่นเก่าทำงานช้าลงเพื่อบีบให้ซื้อรุ่นใหม่ https://2hand2cash.com/%e0%b8%a1%e0%b8%b5%e0%b8%88%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%87%e0%b8%ab%e0%b8%a3%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b9%84%e0%b8%a1%e0%b9%88-%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%97%e0%b8%a4%e0%b8%a9%e0%b8%8e%e0%b8%b5-apple Mon, 16 Oct 2017 07:55:28 +0000 http://2hand2cash.com/?p=884 ทุกครั้งที่ Apple ทำการออกอัปเดท iOS ใหม่ ทฤษฎีสมคบคิดที่ระบุว่า Apple พยายามวางยาให้ไอโฟนรุ่นเก่า ๆ นั้นใช้งานได้ช้าลงเพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าหันมาซื้อไอโฟนรุ่นใหม่นั้นยังมีออกมาอยู่เรื่อย ๆ โดยเฉพาะในเวลานี้ที่ iOS 11 ปล่อยให้อัปเดทก็เริ่มมีฟีดแบ็กจากผู้ใช้ไอโฟนที่เจอปัญหาเครื่องช้าลงมากขึ้น ซึ่งนี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ของ Apple เมื่อปีที่แล้ว พวกเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับผู้ใช้งานไอโฟนบางกลุ่มที่รวมตัวกันฟ้องบริษัท ในประเด็นข้อสงสัยที่ระบุว่ามีการปล่อยอัปเดทซอฟต์แวร์ใหม่โดยมีจุดประสงค์แอบแฝงให้ไอโฟนรุ่นเก่าทำงานได้ช้าลงมาแล้ว

อย่างไรก็ตาม ทางเว็บไซต์ iDropnews นั้นก็ออกมาแสดงบทวิเคราะห์ว่าการที่ไอโฟนรุ่นเก่าจะทำงานได้ช้าลงเมื่อมีการอัปเดท iOS ใหม่นั้นถือเป็นเรื่องปกติ ซึ่งสามารถสังเกตได้ทุกครั้งที่มีการทดสอบ Benchmark ตัว iOS ใหม่กับไอโฟนรุ่นเก่า และปัจจัยสำคัญที่สุดเลยก็คือ Apple นั้นออกแบบซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์มาเพื่อใช้กับไอโฟนเอง ฉะนั้นการที่ Apple จะออกแบบให้ iOS ใหม่นั้นทำงานได้ดีกับไอโฟนรุ่นล่าสุดมากกว่ารุ่นเก่านั้น จึงเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ที่ Apple ต้องการจะทำให้ผู้ใช้เริ่มมองหาไอโฟนรุ่นใหม่นั่นเอง

]]>
7 ฟีเจอร์เด็ด Safari เว็บบราวเซอร์ติดเครื่อง Mac https://2hand2cash.com/7-%e0%b8%9f%e0%b8%b5%e0%b9%80%e0%b8%88%e0%b8%ad%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%87%e0%b8%94-safari-%e0%b9%80%e0%b8%a7%e0%b9%87%e0%b8%9a%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b9%80%e0%b8%8b Thu, 12 Oct 2017 10:32:16 +0000 http://2hand2cash.com/?p=863 Safari ถือว่าเป็นเว็บบราวเซอร์ที่ไว้ใช้งานเว็บไซต์ต่าง ๆ โดยเป็นโปรแกรมของทาง Apple แน่นอนว่าทำให้เครื่อง Mac ทุกเครื่องที่เป็นระบบปฏิบัติการ macOS จะมี Safari มาให้พร้อมใช้งานทันที เรียกได้ว่า Safari มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Mac OS X รุ่น 10.3 เป็นต้นไป และสตีฟ จอบส์ ได้เคยประกาศในวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2550 เปิดตัวซาฟารีสำหรับ Windows แต่ปัจจุบัน Safari สำหรับ Windows ได้ถูกยกเลิกการพัฒนาไปแล้ว

ทำให้ไม่ว่าใครก็ตามที่ใช้เครื่อง Mac ต้องได้มีโอกาสใช้ Safari อย่างแน่นอน แต่แล้วก็อาจจะไปใช้เว็บบราวเซอร์อื่น ๆ จากความถนัดของแต่ละคน ทั้งที่จริงแล้วตัวของ Safari มีฟีเจอร์ที่มีประโยชน์และช่วยให้ชีวิตเราง่ายขึ้นอีกมาก โดยในบทความนี้เราจะมาแนะนำฟีเจอร์ต่าง ๆ ของ Safari ที่น่าสนใจและใช้งานได้จริงกัน

1.ไม่ว่างตอนนี้ เก็บไว้อ่านได้ด้วย Reading List

1

Safari มีอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่น่าสนใจ เหมาะมาก ๆ สำหรับนักอ่าน โดยเรียกว่าฟีเจอร์ Reading List ซึ่งตอนเราอ่านเว็บไซต์ต่าง ๆ เราสามารถกดปุ่ม + เพื่อบันทึกหน้าเว็บไซต์ไว้อ่านทีหลังได้แบบไม่ต้องอาศัยอินเทอร์เน็ต เรียกได้ว่าเราสามารถดูแบบออฟไลน์ได้อย่างสบาย ๆ

โดยรายการ Reading List สามารถเรียกได้โดยกดปุ่ม Sidebar และเลือกปุ่มแว่นตา ก็จะเห็น Reading List ที่เซฟไว้ โดย Reading List นี้จะซิงค์กับ iPhone ด้วยหากเราใช้ Apple ID เดียวกัน ซึ่งหากต้องการลบรายการไหน ก็เอานิ้วปาดจากซ้ายมาขวา ก็จะมีปุ่ม Remove หรือจะเอาเมาส์ไปชี้แล้วกดปุ่ม x ก็ได้

2.ปิดเสียงบน Safari ได้ง่าย ๆ

2

แม้เรื่องปิดเสียงจะเป็นเรื่องพื้นฐานที่เราสามารถสั่งปิดเสียงได้จากตัวเครื่อง Mac แต่จะดีกว่าไหมถ้าเราสามารถสั่งปิดเสียงได้เฉพาะในส่วนของ Safari เพราะเมื่อเวลาที่เราเปิดแท็บขึ้นมาเยอะ ๆ จะมีปัญหาที่ว่าเมื่อมีเสียงดังขึ้น เราไม่รู้ว่ามาจากแท็บ ต้องเสียเวลาไปไล่หากันอีก Safari ก็เลยจัดฟีเจอร์ปิดเสียงให้ โดยมีเสียงดังก็จะมีรูปลำโพงอยู่ด้านข้างบนลิงก์ และถ้าดังมาจากแท็บไหน ก็จะมีลำโพงอยู่ที่แท็บนั้น หรือจะกดลำโพงด้านบนก็ได้ สามารถคลิกเพื่อปิดได้ทันที และต้องการให้เปิดก็คลิกอีกครั้ง โดยการกดลำโพงข้างบนจะมีข้อแตกต่างคือปิดเสียงทั้งหมด ส่วนการกดลำโพงในแต่ละแท็บ คือปิดเสียงของแต่ละแท็บ หรือหากต้องการกดเพื่อดูว่ามีเสียงที่แท็บไหนบ้าง ก็ให้คลิกรูปลำโพง ก็จะบอกว่ามีแท็บไหนที่มีเสียงออกมา และสามารถสลับไปแท็บนั้น ๆ ได้ทันที

3.ดูเว็บลับ ๆ ไม่ให้ใครเห็น ด้วย Private Browsing

แน่นอนว่าหากเราต้องการที่จะใช้งานเว็บไซต์บางอย่าง และไม่ต้องการให้ใครมาล่วงรู้ประวัติการเข้าใช้งานของเรา ซึ่งการจะเข้าใช้งาน Safari แบบปกติคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ก็เลยจัดให้มีฟีเจอร์เด็ดอย่าง Private Browsing เพียงกดปุ่ม Command + Shift + N ก็จะสามารถเปิดแท็บใหม่ได้แล้ว

3

โดย Private Browsing คือการเข้าเว็บแบบไม่เก็บข้อมูลเป็นประวัติใด ๆ ทั้งสิ้น เมื่อปิดหน้าต่างแล้วทุกอย่างจะหายไปหมด โดยสังเกตได้จากช่องใส่ URL จะเป็นสีดำ พร้อมคำเตือนเกี่ยวกับการใช้งานว่า ตอนนี้เราใช้ Private Browsing อยู่นะ ฉะนั้นสบายใจได้ เผื่อว่าใครจะมาสืบอดีตของเรา ก็จะไม่เจออย่างแน่นอน

4.อ่านง่ายสบาย ๆ ตา กับ Safari Reader ปรับย่อได้ดั่งใจ

แม้ว่าบางเว็บไซต์จะสวยงามแค่ไหน แต่บางครั้งก็อ่านบทความยากจนเกินไป หรือบางเว็บไซต์ก็อ่านไม่สะดวกเลย โดยฟีเจอร์ Reader ของ Safari นั้นถือเป็นฟีเจอร์ที่อำนวยความสะดวกสำหรับผู้ชอบอ่านบทความยาว ๆ เพราะว่าเราจะได้อ่านบทความได้เต็มที่ และสามารถปรับตัวอักษรสีพื้นหลังได้ตามใจชอบ

4

โดยวิธีเรียกใช้ Reader ก็เพียงเปิดเว็บ หากเว็บนั้นรองรับ Reader ก็จะมีปุ่มขีด ๆ แบบนี้ ซึ่งตอนที่กดแล้วจะขึ้นบทความมาให้อ่านเต็มที่ ถ้าต้องการปิดก็ให้กดปุ่มนี้อีกครั้ง โดยสามารถเปลี่ยนฟอนต์ ขนาดตัวอักษร หรือเปลี่ยนสีพื้นหลังให้สบายตาได้ เพียงกดปุ่มด้านบนขวาและเลือกตามต้องการ

5.ปักหมุดเก็บเว็บที่เข้าประจำ ๆ ด้วย Pinned Tab

Pinned Tab หรือการปักหมุดแท็บ คือวิธีการปักหมุดเว็บที่เราเข้าประจำเอาไว้ในที่ประจำ โดยเราสามารถเข้าเว็บได้จากตรงนี้เลยเพียงแค่กดเข้าไป ตรงนี้ทำให้เราไม่ต้องเสียเวลามานั่งใส่ URL ทุกครั้งที่เราต้องเข้าใช้งานนั่นเอง

5

ส่วนขั้นตอนของการ Pinned Tab ก็ง่าย ๆ เพียงแค่ลากแท็บที่ต้องการปักหมุดไว้มาทางซ้ายสุด ก็จะสามารถปักหมุดแท็บได้แล้ว หรือจะคลิกขวาที่แท็บแล้วกด Pinned Tab ก็สามารถทำได้เช่นกัน

6.ดูทุกแท็บที่เปิดไว้ได้ในหน้าเดียวกับฟีเจอร์ Tab View

6

เมื่อเราเปิดแท็บใน Safari เยอะ ๆ และเริ่มหาไม่เจอแล้วว่าสิ่งที่ต้องการอยู่แท็บไหน Safari ก็มี Tab View เพื่อไว้ใช้คร่าว ๆ ว่าแท็บไหนเปิดอะไรไว้บ้าง โดยวิธีใช้คือกดปุ่มมุมบนขวา หรือจะจีบนิ้วซูมออกใน Trackpad ก็ได้ เรียกได้ว่างานนี้ต่อให้เปิดเป็นสิบ ๆ ร้อย ๆ แท็บ เราก็สามารถกวาดตาดูได้ทั้งหมด

7.ชมเนื่องได้ทุกที่ด้วย iCloud Tab เปิดแท็บที่ไหนก็ดูต่อได้

ปัจจุบันเราเปิดเว็บหลายที่เหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็น iPhone, iPad รวมไปถึงเครื่อง Mac ซึ่ง Apple ก็ได้ใส่ใจในส่วนนี้ จึงได้นำเสนอฟีเจอร์ iCloud Tab มาให้เราได้ใช้งานกัน โดยเมื่อเปิดแท็บค้างไว้ที่ไหน พอเปิดอีกเครื่องก็จะมีแท็บมารอไว้พร้อมให้เปิดใช้งานอีกทันที ไม่ต้องจำ URL เพื่อเอาไปเปิดแล้ว แน่นอนว่าแต่ละอุปกรณ์จำเป็นต้องใช้ Apple ID เดียวกัน มันจึงจะซิงก์กันนั่นเอง

7

สำหรับ Mac ในการตั้งค่าให้เข้าไปที่ System Preferences -> iCloud ติ๊กถูกตรง Safari และสำหรับ iOS ให้ไปที่ Settings -> iCloud เปิดสวิตช์ตรง Safari

 

ขอบคุณArip

]]> 3 เหตุผลที่คนใช้ iPhone รุ่นเก่า ควรเปลี่ยนมาใช้ iPhone 8 และ 8 Plus https://2hand2cash.com/3-%e0%b9%80%e0%b8%ab%e0%b8%95%e0%b8%b8%e0%b8%9c%e0%b8%a5%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%84%e0%b8%99%e0%b9%83%e0%b8%8a%e0%b9%89-iphone-%e0%b8%a3%e0%b8%b8%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b9%88 Thu, 12 Oct 2017 10:27:15 +0000 http://2hand2cash.com/?p=860 1. ถึงเวลาต้องเปลี่ยน

iPhone 8

เชื่อว่ามีผู้อ่านบางท่านที่ยังใช้ iPhone รุ่นเก่าอยู่ อาจจะเป็น iPhone 4 / 4s / 5 / 5s / SE ……. แต่ด้วยสเปกของฮาร์ดแวร์ที่เก่าลงเรื่อยๆ ส่งผลต่อการใช้งานที่ไม่รวดเร็วเหมือนแรกๆ รวมไปถึงบางรุ่นก็ไม่รองรับกับ iOS 11 ไปจนถึง iOS รุ่นต่อไปในอนาคต และอาจประกอบกับปัญหาที่ทยอยโผล่มากวนใจเรื่อยๆ นี่จึงเป็นเหตุผลลำดับต้นๆ ที่ทำให้ผู้ใช้ iPhone รุ่นเก่า จำต้องยอมเปลี่ยนไปใช้ iPhone 8 หรือ 8 Plus

2. อยากลองเทคโนโลยีใหม่ โดยเฉพาะชาร์จไร้สาย

สำหรับคนที่ติดตามเทคโนโลยีมาโดยตลอด การชาร์จไร้สายบนสมาร์ทโฟนคงไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะมีสมาร์ทโฟน Android บางค่ายทำมาก่อนแล้ว แต่สำหรับ iPhone 8 และ 8 Plus ถือเป็นครั้งแรก นอกจากนี้เทคโนโลยีต่างๆ ที่พัฒนาขึ้น และมีความใหม่กว่า ฉะนั้นจึงเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้หลายคนที่อยากลองอะไรใหม่ๆ อาจยอมละทิ้ง iPhone เครื่องเดิม มาลองใช้รุ่นใหม่แทน

3. ถูกกว่า iPhone X

ประเด็นสำคัญที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลย นั่นคือ ราคา อยากที่ทราบกันว่า Apple เปิดตัว iPhone X (ไอโฟนเท็น) พร้อมๆ กับ iPhone 8 และ 8 Plus แต่เนื่องจากราคาเปิดตัวที่ 999 ดอลลาร์สหรัฐ ตีราคาเป็นเงินไทยคร่าวๆ ก็ประมาณ 4 หมื่นต้นๆ เมื่อเจอแบบนี้เข้าคงไม่ใช่เรื่องสะดวกสำหรับหลายๆ คนที่จะต้องจ่ายเงินมากขนาดนั้นเพื่อแลกกับสมาร์ทโฟนหนึ่งเครื่อง ดังนั้นแล้วหากไม่ซีเรียสกับดีไซน์ ราคาของ iPhone 8 และ 8 Plus ก็ยังถือว่ารับได้

ขอบคุณ aripfan.com

]]>
ปล่อยอีกแล้ว iOS 11.0.3 การอัพเดทรายสัปดาห์ของ Apple สะท้อนความไม่เหมือนเดิมของ iOS https://2hand2cash.com/%e0%b8%9b%e0%b8%a5%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%a2%e0%b8%ad%e0%b8%b5%e0%b8%81%e0%b9%81%e0%b8%a5%e0%b9%89%e0%b8%a7-ios-11-0-3-%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%9e%e0%b9%80%e0%b8%94 Thu, 12 Oct 2017 10:22:37 +0000 http://2hand2cash.com/?p=854 เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม ที่ผ่านมา Apple เพิ่งปล่อยอัพเดท iOS ล่าสุด iOS 11.0.3 เป็นการแก้ปัญหาบั๊กและข้อผิดพลาดต่างๆ สำหรับ iPhone แต่การอัพเดทดังกล่าวถูกปล่อยออกมาเป็นรอบที่ 3 ในรอบ 3 สัปดาห์ หรือเรียกได้ว่าเป็นการอัพเดทแบบรายสัปดาห์ นับตั้งแต่ปล่อย iOS 11 เมื่อเดือนกันยายน  ถือเป็นเรื่องผิดปกติสำหรับผู้ใช้อุปกรณ์อย่าง iPhone และ iPad พร้อมมีคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับการพัฒนาซอฟต์แวร์ของ Apple

 

อย่างที่กล่าวไปในตอนต้นครับว่า อัพเดท iOS 11 รอบนี้ เป็นรอบที่ 3 แล้ว ตั้งแต่ Apple ประกาศปล่อยให้ผู้ใช้อุปรณ์ประเภท iPhone, iPad ในรุ่นที่กำหนด เมื่อวันที่ 19 กันยายน ที่ผ่านมา ซึ่งอัพเดทแรก หรือ iOS 11.0.1 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 กันยายน อัพเดทที่สอง หรือ iOS 11.0.2 ปล่อยเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม และล่าสุดกับอัพเดทที่สาม หรือ iOS 11.0.3 เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม นี้เอง

อัพเดท iOS 11.0.3 ครั้งนี้ Apple ให้ข้อมูลว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ทำให้เสียงพูดโต้ตอบและการตอบสนองโดยการสั่นไม่ทำงานบนอุปกรณ์ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus บางเครื่อง และการจัดการปัญหาเมื่อการป้อนข้อมูลด้วยการสัมผัส ไม่ตอบสนองบนจอภาพ iPhone 6s บางจอ เนื่องจากไม่ได้รับการซ่อมแซมโดยใช้ชิ้นส่วนแท้จาก Apple

iOS 11 ถูกวิจารณ์อย่างมากจากผู้ใช้หลายราย อันเนื่องมาจากปัญหาบั๊ก, ข้อผิดพลาดต่างๆ รวมไปถึงแบตเตอรี่ที่ผู้ใช้ iPhone บางรายออกมาบ่นว่าทำให้แบตหมดเร็วกว่าที่ผ่านมา ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นปัญหาจุกจิกกวนใจผู้ใช้นับตั้งแต่อัพเดท iOS 11

นอกจากนี้ iOS 11 ที่ Apple ภูมิใจนำเสนอ ยังถูก Electronic Frontier Foundation หน่วยงานตรวจสอบและดูแลสิทธิส่วนบุคคลเกี่ยวกับอิเล็กทรอนิกส์ หรือ EFF รายงานว่าการปิดการเชื่อมต่อ Wi-Fi และ Bluetooth ผ่าน Control Center ไม่ได้เป็นการปิดใช้งานจริงๆ เป็นเพียงการหยุดการเชื่อมต่อแบบชั่วคราว และอุปกรณ์ยังพยายามเชื่อมต่อสัญญาณหรืออุปกรณ์อื่นๆ ซึ่งถือมีความเสี่ยงอย่างมากที่จะถูกแฮกเกอร์ใช้ความพยายามเข้าถึงหรือแฮกข้อมูลได้

แม้ Apple จะออกมาแก้ต่างด้วยข้อมูลว่า iOS 11 เวอร์ชั่นต่างๆ ที่ถูกปล่อยออกมาจะช่วยแก้ปัญหา และปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้งานให้ดียิ่งขึ้น รวมไปถึงระบุว่าการปิดการเชื่อมต่อ Wi-Fi และ Bluetooth ผ่าน Control Center เป็นการลดขั้นตอนการเปิด-ปิด เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับความสะดวก รวดเร็ว แต่การอัพเดทที่ถือว่า “ถี่” กว่าที่แล้วมา เริ่มสะท้อนปัญหาบางอย่างในการพัฒนาระบบปฏิบัติการของ Apple พร้อมส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้ใช้บางรายที่เริ่มเคลือบแคลงสงสัยถึงความไม่เหมือนเดิมของ iOS

]]>
5 สิ่งที่ควรทำก่อนขายหรือยกเครื่อง MacBook ของคุณให้กับผู้อื่น https://2hand2cash.com/5-%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%a3%e0%b8%97%e0%b8%b3%e0%b8%81%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b8%82%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%ab%e0%b8%a3%e0%b8%b7 Thu, 12 Oct 2017 10:16:56 +0000 http://2hand2cash.com/?p=851

สิ่งที่เราควรคำนึงถึงก่อนที่จะขายหรือให้เครื่อง MacBook คนอื่นไปใช้งานต่อนั้น ซึ่งไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เราจำเป็นต้องสำรองข้อมูล รวมไปถึงลบข้อมูลต่าง ๆ ของเราให้หมด เพื่อป้องกันข้อมูลสำคัญ ๆ และข้อมูลลับรั่วไหลหรือสูญหาย จากการที่หลาย ๆ คนเก็บข้อมูลไว้ในเครื่อง MacBook ไม่ว่าจะเป็นไฟล์เอกสาร ไฟล์รูปภาพ วิดีโอ รวมไปถึงรหัสผ่านต่าง ๆ ที่ถ้าหลุดออกไปแล้วอาจจะเกิดความเสียหายร้ายแรงได้ อาทิ โดนแฮกเฟซบุ๊ก อีเมล หรือโดนขโมยเงินหายไปจากบัญชีเลยก็เป็นได้

ซึ่งในช่วงปลายปี 2016 ที่ผ่านมา ทาง Apple ก็เพิ่งเปิดตัว MacBook รุ่นใหม่ออกมา ยิ่งทำให้เรามีโอกาสที่จะซื้อ MacBook เครื่องใหม่มาใช้งานแทนเครื่องเดิมได้ง่ายขึ้นไปอีก

ดังนั้นในบทความนี้ เราจะกล่าวถึง 5 สิ่งที่ควรทำก่อนขายหรือยกเครื่อง MacBook ของคุณให้กับผู้อื่นเพื่อความปลอดภัยของตัวเราเอง ข้อมูลไม่สูญหาย และสามารถนำไป Restore ใส่ MacBook เครื่องใหม่ให้พร้อมใช้งานในทันทีอีกด้วย

1. สำรองข้อมูลด้วย Time Machine

ขั้นแรกตรวจสอบให้แน่ใจว่าที่ผ่านมาเรามีข้อมูลสำรองของไฟล์และข้อมูลสำคัญที่อัพเดตผ่านทางคุณสมบัติ Time Machine เป็นช่วงเวลาล่าสุดแล้ว ซึ่งถ้ายังไม่มีก็ให้สำรองผ่านทางฮาร์ดดิสก์ภายนอก หรือใครจะสำรองแบบการคัดลอกด้วยตนเองก็สามารถทำได้ แต่การทำผ่านทาง Time Machine จะง่ายและสะดวกในการ Restore ไป MacBook เครื่องใหม่มากกว่า

2. ลงชื่อออกจาก iTunes

โดยเปิด iTunes จากแถบเมนูที่ด้านบนสุดของหน้าจอคอมพ์เครื่อง MacBook ของเรา หรือที่ด้านบนสุดของหน้าต่าง iTunes ให้เลือก บัญชี > การอนุญาต > เลิกอนุญาตคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ เมื่อได้รับข้อความแจ้ง ให้ป้อน Apple ID และรหัสผ่านของเรา แล้วคลิก เลิกอนุญาต เพื่อเป็นการป้องกันคนอื่นเข้าถึงข้อมูล iTunes ของเราในอนาคต

3. ลงชื่อออกจาก iCloud

untitled-2

มีความสำคัญมาก ๆ ทีเดียว หากเราใช้คุณสมบัติ Find My Mac หรือคุณสมบัติอื่น ๆ ของ iCloud ใน MacBook ของเรา ถ้าเป็นไปได้ก็ควรเก็บถาวรหรือทำสำเนาข้อมูล iCloud ของเราก่อน

หลังจากนั้นให้เลือกเมนู  Apple > การตั้งค่าระบบ แล้วคลิก iCloud จากนั้นยกเลิกการเลือกช่องทำเครื่องหมาย ค้นหา Mac ของฉัน แล้วจึงลงชื่อออกจาก iCloud เป็นขั้นตอนสุดท้ายในการตั้งค่าระบบ ให้คลิก iCloud จากนั้นคลิกปุ่ม ลงชื่อออก

เมื่อเราลงชื่อออกจาก iCloud ระบบจะถามว่าต้องการลบข้อมูล iCloud ออกจากเครื่อง MacBook ของเราหรือไม่ ซึ่งข้อมูล iCloud ของเราจะยังคงอยู่ในอุปกรณ์เครื่องอื่น ๆ ที่ใช้ Apple ID เดียวกัน

4. ลงชื่อออกจาก iMessage

หากเครื่อง Mac เราใช้ระบบปฏิบัติการ OS X Mountain Lion ขึ้นไป ให้ลงชื่อออกจาก iMessage ในแอพฯ ข้อความ โดยเลือก การตั้งค่า > บัญชี เลือกบัญชี iMessage ของเรา จากนั้นคลิก ลงชื่อออก เพื่อที่ใครก็ตามจะได้ไม่มายุ่งข้อมูลส่วนนี้ของเรา

5. ลบข้อมูลและติดตั้ง macOS ใหม่อีกครั้ง

สิ่งสุดท้ายที่ต้องทำเพื่อความสดใหม่ของผู้ที่จะใช้งานเครื่อง MacBook เครื่องนี้ต่อไป ก็คือการฟอร์แมตฮาร์ดดิสก์ใหม่ และติดตั้ง macOS ใหม่อีกครั้ง ซึ่งปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้

หลังจากเราฟอร์แมตฮาร์ดดิสก์ใหม่และติดตั้ง macOS ใหม่อีกครั้งแล้ว เครื่อง MacBook จะรีสตาร์ทไปยังหน้าจอต้อนรับ และขอให้คลิกเลือกประเทศหรือภูมิภาค หากต้องการปล่อยให้เครื่อง MacBook อยู่ในสภาพเหมือนเพิ่งแกะกล่อง ก็ไม่ต้องดำเนินการตั้งค่าระบบของคุณต่อ แต่ให้กดปุ่ม Command-Q เพื่อปิดเครื่อง MacBook เมื่อเจ้าของใหม่เปิดเครื่อง MacBook ตัวช่วยตั้งค่าจะแนะนำเจ้าของใหม่ให้ทำตามขั้นตอนการตั้งค่า

ไม่ยากเลยใช่ไหมกับ 5 สิ่งที่ควรทำก่อนขายหรือยกเครื่อง MacBook ของคุณให้กับผู้อื่น ซึ่งถ้าให้ดีที่สุด เราเองก็ควรทำความสะอาดตัวเครื่อง MacBook ภายนอกให้เรียบร้อย รวมไปถึงให้อุปกรณ์ทั้งหมดไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นกล่อง คู่มือ หรืออุปกรณ์อื่น ๆ อย่างอะแดปเตอร์ สายไฟ (iMac ก็มีเมาส์และคีย์บอร์ด) เพื่อให้คนที่รับไปพร้อมใช้งานทันทีด้วย

untitled-3

 

ขอขอบคุณ

ข้อมูล : SamanTar GTR

]]>
ลือ Apple ร่วมกับ LG พัฒนา iPhone หน้าจอพับได้ https://2hand2cash.com/%e0%b8%a5%e0%b8%b7%e0%b8%ad-apple-%e0%b8%a3%e0%b9%88%e0%b8%a7%e0%b8%a1%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a-lg-%e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%92%e0%b8%99%e0%b8%b2-iphone-%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%88 Thu, 12 Oct 2017 10:09:33 +0000 http://2hand2cash.com/?p=848 สื่อต่างประเทศรายงานว่า Apple อาจร่วมกับ LG ในการวิจัยและพัฒนา iPhone หน้าจอพับงอได้ เลือกทำงานร่วมกับ LG แทนที่จะเป็น Samsung

ลือ Apple ร่วมกับ LG พัฒนา iPhone หน้าจอพับได้

ข่าวลือเรื่องการพัฒนา iPhone จอพับได้มีมาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว โดยสาเหตุมาจากการที่ LG ได้พัฒนาเทคโนโลยีหน้าจอพับได้ทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่าเทคโนโลยีนี้จะถูกนำมาใส่ใน Smartphone ด้วย

Apple Lg Foldable Iphone 1

หลักการของเทคโนโลยีนี้ คือ เราสามารถม้วนพับหน้าจอได้ราวกับม้วนพับหนังสือพิมพ์ ข้อดีคือตัวจอมีความยืดหยุ่นสูงสามารถพับเก็บได้ง่าย

The Investor สื่อประเทศเกาหลีเชื่อว่า Apple เองให้ความสนใจกับเทคโนโลยีนี้และกำลังศึกษาความเป็นไปได้ที่จะนำมาใช้ใน iPhone รุ่นใหม่อยู่ และคาดว่าเทคโนโลยีจอพบได้นั้นจะเริ่มเห็นเป็นรูปเป็นร่างและผลิตอย่างเห็นได้ชัดในช่วงปี 2018 เป็นต้นไป ส่วนการนำมาใช้ใน iPhone น่าจะหลังจากนั้นอีก 2 ปี (2020)

สำหรับปี 2018 คาดว่า Samsung ผู้ผลิตจอ OLED สำหรับ iPhone X อาจส่งมอบจอ OLED ให้ Apple อยู่ 2 ขนาด คือ 5.85 นิ้ว และ 6.46 นิ้วที่จะใช้ใน iPhone รุ่นใหม่ 2 รุ่น ส่วนหน้าจอพับได้ของ LG จะได้เห็นใน iPhone หรือไม่นั้นติดตามกันต่อไป

ที่มา – macrumors

]]>
macOS 10.13 High Sierra เปิดให้อัปเดต พร้อมลิงก์ดาวน์โหลดตรงที่นี่ https://2hand2cash.com/macos-10-13-high-sierra-%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%9b%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b8%95-%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%a1%e0%b8%a5 Wed, 27 Sep 2017 06:51:53 +0000 http://2hand2cash.com/?p=837 Apple ได้ปล่อย macOS High Sierra ให้ผู้ใช้ Mac ทั่วไปได้อัปเดตกัน โดยมีฟีเจอร์ใหม่ๆ เยอะแยะมากมาย สามารถดาวน์โหลดได้ฟรี

macOS High Sierra ปล่อยให้ดาวน์โหลดแล้ว

macOS High Sierra เป็น macOS เวอร์ชันต่อจาก macOS 10.12 โดยใน macOS High Sierra นั้นมีการปรับปรุงประสิทธิภาพและเพิ่มฟีเจอร์ใหม่มากมาย

 

ด้วย macOS High Sierra ผู้ใช้งาน Mac® จะได้รับหน่วยจัดเก็บข้อมูลหลักที่ทรงประสิทธิภาพ เทคโนโลยีด้านวีดีโอและกราฟฟิก ระบบไฟล์ใหม่ทำให้มั่นใจว่าหน่วยจัดเก็บข้อมูลจะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและไว้ใจได้ยิ่งขึ้น พร้อมรองรับ High-Efficiency Video Coding (HEVC) ช่วยให้วีดีโอ 4K ที่น่าทึ่งมีขนาดไฟล์ที่เล็กลง Metal® 2 จะเสริมพลังให้กับการสร้างสรรค์คอนเท้นท์เสมือนจริง มีประสิทธิภาพที่รวดเร็วขึ้น และอื่นๆอีกมาก Core ML เฟรมเวิร์กสำหรับนักพัฒนาช่วยให้การสร้างสรรค์แอพที่ใช้การเรียนรู้จากการใช้งานของเครื่อง ซึ่งคาดการณ์ได้ เรียนรู้ และฉลาดขึ้น ทำได้ง่ายยิ่งขึ้น นอกจากนั้น macOS High Sierra ยังปรับปรุงแอพที่ผู้ใช้ Mac ใช้งานเป็นประจำให้มีประประสิทธิภาพดียิ่งขึ้นอาทิ Photos และ Safari®

“macOS High Sierra เป็นการอัพเดทครั้งสำคัญที่ทำให้ Mac มีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นและตอบสนองได้ดีในขณะเดียวกันก็เตรียมรากฐานสำหรับนวัตกรรมใหม่ๆในอนาคต” Craig Federighi รองประธานอาวุโสฝ่ายวิศวกรรมซอฟท์แวร์ของ Apple กล่าว “High Sierra แนะนำเทคโนโลยีใหม่สำหรับ VR, การสตรีมวีดีโอประสิทธิภาพสูง, เทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลอันทันสมัยและอีกมากมาย ในขณะที่แอพ อาทิ Photos, Safari, Mail และ Notes ได้รับการปรับปรุงเพื่อทำให้ผู้ใช้ค้นพบอีกหลายเหตุผลที่ทำให้หลงรัก Mac”

ฟีเจอร์ใหม่ใน macOS High Sierra:

ฟีเจอร์ใหม่ใน macOS High Sierra ที่น่าสนใจอธิบายสั้นๆ

  • ระบบ APFS (Apple Files System) สำหรับ SSD Mac
  • รองรับ HEVC (High-Efficiency Video Coding)
  • Metal 2 อัปเกรดประสิทธิภาพ GPU แบบใหม่ มาพร้อม Machine Learning
  • รองรับเทคโนโลยี VR (Virtual Reality)
  • เพิ่มเครื่องมือและฟังก์ชันใหม่ๆ ใน Photo
  • Safari 11
  • ปรับปรุง Siri และการค้นหาให้ดีขึ้น
  • เพิ่มแถบให้กับ Note
  • แชร์ไฟล์ร่วมกับผู้อื่นผ่าน iCloud ได้
  • ปรับปรุง Mail ให้ใช้งานได้ดีขึ้น
  • Save LivePhoto ระหว่าง FaceTime ได้
  • แสดงไอคอน AirPlay, Night Shift, Picture-In-Picture บน Touch Bar ระหว่างดูวิดีโอ

อธิบายแบบยาวๆ กันบ้างเพิ่มเติมจาก Apple

Macos High Sierra Now Available 1

Apple File System (APFS)

  • APFS เป็นสถาปัตยกรรมการจัดเก็บข้อมูลใหม่ที่ทันสมัย เป็นรากฐานที่สามารถขยายตัวเพื่อรองรับฟีเจอร์ใหม่ๆ และเทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลใหม่ๆ ในอนาคตบนMac
  • APFS รองรับการทำงานของอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลประสิทธิภาพสูงรุ่นล่าสุด พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความมั่นใจในการใช้งาน
  • ด้วย APFS การทำงานพื้นฐานเช่นการทำสำเนาไฟล์ และการค้นหาบัญชีรายชื่อสามารถทำได้ในพริบตา
  • ฟีเจอร์ทางด้านข้อมูลที่ทันสมัยและสมบูรณ์แบบจะช่วยปกป้องข้อมูลจากกระแสไฟฟ้าดับหรือการปิดตัวเองของระบบ
  • APFS สามารถใช้งานได้บน Mac ทุกเครื่องที่มีหน่วยจัดเก็บข้อมูลภายในแบบแฟลช – จะสามารถใช้งานกับเครื่อง Mac ในระบบ Fusion และ HDD ได้ในการอัพเดทในอนาคต

รองรับ High-Efficiency Video Coding (HEVC)

  • HEVC (H.265) เป็นมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรมในการบีบอัดประสิทธิภาพสูง สตรีมและฉายวีดีโอ
  • HEVC ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรับชมไฟล์วีดีโอ 4K ในคุณภาพที่ดีที่สุด ในขณะที่ใช้พื้นที่ในการจัดเก็บน้อยลง 40 เปอร์เซ็นต์เมื่อเปรียบเทียบกับมาตรฐาน H.2641
  • ด้วย HEVC Apple สามารถทำให้การสตรีมวีดีโอ 4K เป็นไปได้บนเน็ตเวิร์กซึ่งเคยสตรีมได้แค่ HD วีดีโอ2
  • การเร่งความเร็วของฮาร์ดแวร์บน iMac ใหม่ และ MacBook Pro ทำให้การถอดรหัส HEVC และการฉายวีดีโอทำได้อย่างรวดเร็วและประหยัดพลังงาน
  • นักพัฒนาอาทิ Adobe, Blackmagic Design, GoPro และอีกมากมายต่างร่วมกับ Apple ในการนำ HEVC ไปใช้

Metal 2

  • Metal เป็นเทคโนโลยีด้านกราฟฟิกที่ทันสมัยของ Apple และเป็นวิธีการในการเข้าถึงขุมพลัง GPU บน Mac ได้อย่างรวดเร็วที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุด
  • Metal 2 รองรับเจเนอเรชั่นใหม่ของประสบการณ์การใช้งาน อาทิ การเรียนรู้ผ่านการใช้งานบนอุปกรณ์ที่ใช้ในการจดจำเสียง การประมวลผลภาษาอย่างเป็นธรรมชาติและคอมพิวเตอร์วิชั่น
  • Metal 2 มาพร้อม API ที่ได้รับการปรับแต่งและพัฒนาประสิทธิภาพเพื่อให้นักพัฒนา ได้แก่ Unity, Epic, Valve, Pixelmator และอีกมากมายใช้เพื่อพัฒนาแอพในอนาคต
  • ด้วยการผนึกกำลังของ Thunderbolt 3 และ Metal 2 ผู้ที่ใช้งาน Mac อย่างเต็มประสิทธิภาพสามารถเข้าใช้งาน external GPU ที่ทรงพลังได้แล้ว

Core ML

  • ด้วย Core ML™ Apple นำการเรียนรู้ผ่านการใช้งานบนอุปกรณ์ที่ทรงพลังมาสู่นักพัฒนาของ Apple เปิดโอกาสสำหรับการสร้างสรรค์แอพสายพันธ์ใหม่
  • Core ML ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จาก Metal และ Accelerate เพื่อมอบพลังอันเหลือเชื่อ ความเร็ว และประสิทธิภาพแก่การทำงานของการเรียนรู้ผ่านการใช้งานบนอุปกรณ์ เช่น คอมพิวเตอร์วิชั่น ภาษาที่เป็นธรรมชาติ และรองรับโครงข่ายระบบคอมพิวเตอร์ทั้งแบบ convolutional และ recurrent
  • การคำนวนและการประมวลผลด้วย Core ML เกิดขึ้นบนอุปกรณ์โดยคำนึงถึงข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของลูกค้า
  • นักพัฒนาใช้ Core ML เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของแอพ อาทิ Pixelmator Pro ใช้การเรียนรู้ผ่านการใช้งานบนอุปกรณ์เพื่อตรวจจับและทำความเข้าใจฟีเจอร์ต่างๆภายในรูปภาพและสร้างโซลูชั่นในการปรับแต่งที่ชาญฉลาด

รองรับ Virtual Reality

  • macOS High Sierra เพิ่มการรองรับการสร้างสรรค์ VR คอนเท้นท์เป็นครั้งแรก เปิดโอกาสให้นักพัฒนาสร้างสรรค์เกมที่สวยงาม, 3D และ VR คอนเท้นท์บน Mac
  • บริษัท VR ชั้นนำต่างทำงานร่วมกับ Apple เพื่อสนับสนุนนวัตกรรม VR บน Mac ด้วยฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่จะเปิดตัวในปีนี้
  • Valve ใช้ประโยชนืจากแพลทฟอร์ม SteamVR สำหรับ macOS และรองรับการเชื่อมต่อกับหูฟัง HTC Vive ในขณะที่ Unity และ Epic เตรียมนำเสนอเครื่องมือในการพัฒนา VR สำหรับ macOS
  • ภายในปีนี้ Final Cut Pro X จะเพิ่มการรองรับ VR workflows แบบ 360 องศาสำหรับมืออาชีพ ด้วยความสามารถในการอิมพอร์ต แก้ไข และเอ็กซ์พอร์ตวีดีโอ 360 องศาบน Mac

แอพ Photos ได้รับการอัพเดท

  • อัพเดทใหม่ได้แก่ ฟิลเตอร์ใหม่ และเครื่องมือใหม่ๆ ที่ชวยให้การจัดการกับรูปภาพทำได้ง่ายและรวดเร็ว
  • UI การปรับแต่งรูปใหม่ได้แก่ เครื่องมือใหม่ๆ ที่ทรงพลัง อาทิ Loop, Bounce และ Long Exposure รวมถึงผู้ใช้สามารถเลือกรูปหลักที่แตกต่างกันได้
  • แอพปรับแต่งรูป อาทิ Photoshop, Pixelmator และอื่นๆ สามารถเปิดใช้งานได้จากแอพ Photos และสามารถปรับแต่งพร้อมบันทึกลงบนคลังรูปใน Photos ได้
  • รองรับการเชื่อมต่อกับบริการพิมพ์จาก Shutterfly, WhiteWall, Wix, ifolor, Mimeo และ Mpix จากภายในแอพ

แอพที่ได้รับการปรับปรุง:

  • Safari สามารถปิดเสียงจากการเล่นวีดีโอโดยอัตโนมัติในเบราว์เซอร์ และสามารถเปิดอ่านบทความในรูปแบบที่ไม่มีกราฟฟิกอื่นรบกวน
  • Intelligent Tracking Prevention ใน Safari ช่วยตรวจจับและลบ cookies และข้อมูลอื่นที่ผู้ลงโฆษณานำไปใช้ในการตามรอย เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้
  • Siri® บน Mac ตอบสนองด้วยโทนเสียงที่เป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น และเรียนรู้ดนตรีที่ชอบ สร้าง playlist และตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องดนตรีเมื่อใช้งาน Apple Music®
  • Touch Bar บน MacBook Pro มีตัวเลือก Control Strip ใหม่ พร้อมตัวเลือกสีที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น และการควบคุมวีดีโอที่หลากหลายขึ้น
  • เพิ่มตารางในแอพ Notes ผู้ใช้สามารถพิมพ์ข้อความในเซลล์ แก้ไขและเลื่อนแถวรวมถึงคอลัมน์ได้
  • Spotlights®  บอกข้อมูลสถานะเที่ยวบิน รวมถึงเวลาเครื่องออกและถึงที่หมาย ล่าช้า หมายเลขประตู อาคาร และแม้กระทั่งแผนที่ไปยังทางขึ้นเครื่อง

อัปเดตได้ที่ไหน Mac รุ่นไหนรองรับบ้าง

macOS High Sierra เปิดให้อัพเดทได้ฟรีแล้ววันนี้ที่ Mac App Store บนเครื่อง Mac macOS High Sierra รองรับเครื่อง Mac ที่เปิดตัวในช่วงปลายปี 2009 และใหม่กว่า บางฟีเจอร์อาจไม่มีให้บริการในบางภูมิภาคและบางภาษา สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  apple.com/th/macos/high-sierra

ลิงก์ดาวน์โหลด macOS High Sierra

]]>
[หลุด] สเปก MacBook Pro รุ่นใหม่ มาพร้อมชิป Kaby Lake-R มี 4 core, RAM DDR4 https://2hand2cash.com/%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%94-%e0%b8%aa%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%81-macbook-pro-%e0%b8%a3%e0%b8%b8%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b9%88-%e0%b8%a1%e0%b8%b2%e0%b8%9e%e0%b8%a3 Wed, 27 Sep 2017 06:32:13 +0000 http://2hand2cash.com/?p=834 หลังจากที่แอปเปิลได้อัปเกรดสเปก MacBook Pro รุ่นปี 2017 ใหม่ไปเมื่องาน WWDC17 ที่ผ่านมา โดยหลัก ๆ คืออัปเกรดชิปประมวลผลไปใช้ Intel Kaby Lake หรือชิปรุ่นที่ 8 ของอินเทล และมีการอัปเกรด SSD ที่เร็วขึ้น

ล่าสุดเว็บไซต์ Geekbench ได้เผยผลการทดสอบ MacBook Pro รุ่นใหม่ (MacBook Pro14,1) โดยจะใช้ชิป Intel Kaby Lake-R หรือรุ่น Refresh ปรับปรุงใหม่ ทำให้ผลการทดสอบเร็วแรงกว่าเดิมพอสมควร

macbook pro intel kaby lake-r

จะเห็นว่าชิปประมวลผลที่ใช้คือ Intel Core i5-8250U ความเร็ว 1.80 GHz ซึ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดคือเป็นชิป Quad-core เพราะ Mac ที่ใช้ชิป i5 เป็นแบบ Dual-core มาตลอด ซึ่งข้อดีก็คือ ทำงานได้เร็วกว่าเดิมหลายเท่า ถึงแม้ความเร็ว Clock จะน้อยลงกว่าเดิมก็ตาม

และเมื่อดูสเปก RAM ของ Mac รุ่นนี้คือมีขนาด 8 GB และเปลี่ยนไปใช้แบบ DDR4 Bus 2400 MHz เรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็ทำให้ตัวเครื่องเร็วขึ้นไปอีก และสุดท้ายคือดูที่ระบบปฏิบัติการที่รันอยู่ คือใช้ macOS 10.13 (17A360a) ซึ่งเป็นรุ่น macOS High Sierra เวอร์ชัน GM ทำให้คาดเดาว่าแอปเปิลน่าจะมีแผนเปิดตัวเร็ว ๆ นี้แน่นอน

ที่มา – notebookcheck

]]>
Apple เปิดตัว iOS 11 อัพเดทใหม่ยกชุด Siri ฉลาดขึ้น, มาพร้อม Machine Learning และ AR https://2hand2cash.com/apple-%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%95%e0%b8%b1%e0%b8%a7-ios-11-%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%9e%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b8%97%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b9%88%e0%b8%a2%e0%b8%81%e0%b8%8a Wed, 27 Sep 2017 06:03:47 +0000 http://2hand2cash.com/?p=827 ล่าสุดในงาน WWDC17 แอปเปิลได้ Apple เปิดตัว iOS เวอร์ชันใหม่ล่าสุด คือ iOS 11 มาพร้อมกับ macOS High Sierra, watchOS 4 และ tvOS 11 โดยมีฟีเจอร์หลัก ๆ ของ iOS 11 มีดังนี้

iMessages

  • ย้ายแถบเลือกสติกเกอร์ลงมาด้านล่าง ให้สามารถเรียกใช้งานได้ง่ายขึ้น
  • Messages in iCloud: ซิงก์ข้อความทั้งหมดระหว่างอุปกรณ์ได้แบบ Real-time

ios 11 wwdc 2017-1

Apple Pay

  • สามารถโอนเงินให้เพื่อนผ่าน Apple Pay ที่ผูกกับบัญชีธนาคารผ่าน iMessages ได้

ios 11 wwdc 2017-2

Apple Maps

  • แสดงรายละเอียดภายในอาคาร ห้างสรรพสินค้า สนามบินในแต่ละชั้น เหมือน Google Maps
  •  แสดงความเร็วสูงสุดที่สามารถวิ่งได้บนถนนแต่ละเส้น

ios 11 wwdc 2017-13

  • แสดงเลนบนถนนและแนะนำเลนที่ต้องเข้าก่อนทำการเลี้ยว
  • Do Not Disturb: เมื่อเชื่อมต่อ CarPlay จะไม่มี Notification แสดงบน iPhone และไม่สามารถใช้งาน iPhone ได้ และเมื่อมีคนส่งข้อความมาหา จะมีข้อความตอบกลับอัตโนมัติว่ากำลังขับรถอยู่ จะตอบกลับภายหลัง

ios 11 wwdc 2017-14

Home

  • รองรับ Speaker ภายในบ้าน
  • AirPlay 2: สามารถเล่นเพลงได้พร้อมกันหลาย ๆ ลำโพงพร้อมกัน, สามารถแชร์เพลงจาก Apple Music, สามารถใช้งานกับ Apple TV รุ่นใหม่ได้
  • เปิด AirPlay 2 audio API ให้นักพัฒนา

ios 11 wwdc 2017-15

Apple Music

  • สามารถกด Follow เพื่อนที่ใช้ Apple Music ได้ และดูว่าเพื่อนฟังเพลงอะไร, Playlist ไหนบ้าง
  • เปิดตัว MusicKit for Apple Music

ios 11 wwdc 2017-16

App Store

  • ไอคอนใหม่ หน้าตาเหมือนกับ tvOS
  • ดีไซน์ใหม่ทั้งหมด มาพร้อม 5 แถบใหม่ ได้แก่ Today, Games, Apps, Updates และ Search
  • Today: แสดงคลิปตัวอย่างสั้น ๆ เนื้อเรื่องของเกม เทคนิคต่าง ๆ ของแอพที่ถูกแนะนำในวันนี้
  • Games & Apps: สามารถกดดูเนื้อเรื่องย่อของเกม คลิปวิดีโอวิธีเล่น แนะนำเกม และดูคะแนนรีวิวได้ง่ายขึ้น และเมื่อเราทำการรีวิวแอพ นักพัฒนาสามารถตอบกลับรีวิว คอมเมนท์ของเราได้

ios 11 wwdc 2017-17

Siri

  • Multi Results: สามารถแสดงผลการค้นหาได้หลายอย่างในการค้นหาครั้งเดียว
  • Translation (Beta): สามารถแปลภาษาและกดให้ Siri พูดได้ทันที โดยตอนนี้รองรับแค่ ภาษาอังกฤษ แปลเป็นภาษาจีน, เยอรมัน, ฝรั่งเศส, อิตาลี และสเปน

ios 11 wwdc 2017-3

  • รองรับ Workout, สแกน QR Code, Car Controls, VoIP Calling, การค้นหารูปภาพ, การจ่ายเงินต่าง ๆ
  • Siri สามารถใช้งานระหว่างอุปกรณ์ได้ เช่น ตั้งนาฬิกาปลุกจาก Mac และ Siri จะไปตั้งปลุกให้ใน iPhone ซึ่งเวอร์ชันปัจจุบันทำไม่ได้

ios 11 wwdc 2017-4

Camera

  • มาพร้อมเทคโนโลยี High Efficieny Video Coding (HEVC)  ที่จะทำให้บีบอัดข้อมูลได้มากขึ้น 2 เท่า ทำให้ภาพและวิดีโอมีขนาดไฟล์เล็กลงในขณะที่คุณภาพเท่าเดิม

ios 11 wwdc 2017-5

  • ปรับปรุงคุณภาพจาก Portrait Mode ใหม่, ถ่ายในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น, ปรับปรุงระบบกันสั่น, True Tone Flash, HDR
  • เปิดตัว Depth API ให้กับนักพัฒนา

ios 11 wwdc 2017-6

Photos

  • Portrait Movie: สามารถสร้างวิดีโอจาก Memories ซึ่งสามารถแสดงได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน

ios 11 wwdc 2017-11

  • Live Photos: สามารถทำ Trim, เลือกรูปให้เป็นรูปหลัก, ปิดเสียงได้, ทำเป็น Loop, Bounce และสามารถสร้างรูปที่มี Long Exposure เหมือนบนกล้อง DSLR ได้

ios 11 wwdc 2017-10

Control Center

  • ออกแบบหน้าตา Control Center ใหม่ทั้งหมด โดยรวมหน้า Now Playing และ Home อยู่ในหน้าเดียว
  • สามารถใช้ 3D Touch ในการค้นหาปุ่มฟังก์ชันอื่น ๆ เพิ่มเติมได้

ios 11 wwdc 2017-8

Machine Learning

  • iOS 11 สามารถเรียนรู้พฤติกรรมของผู้ใช้ได้ ซึ่งจะคาดเดาสิ่งที่เรากำลังจะพิมพ์ โดยแอปเปิลให้คอนเซ็ปของเทคโนโลยีนี้ว่า จะเป็นการคาดเดาสิ่งที่เราต้องการ และทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้น
  • เปิดตัว CoreML ให้กับนักพัฒนา

ios 11 wwdc 2017-18

Augmented Reality (AR)

  • แอปเปิลสาธิตการใช้ AR ในการสร้างงานกราฟฟิกในชีวิตจริง ซึ่งจะใช้กล้อง, CPU, GPU และเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ในเครื่องเพื่อใช้งานเทคโนโลยี AR
  • เปิดตัว ARKit ให้กับนักพัฒนา

 

ios 11 wwdc 2017-19

iPad + iOS 11

  • The Dock: สำหรับบน iPad แอปเปิลได้ออกแบบ Dock ใหม่ให้สามารถใส่แอพได้มากขึ้น ซึ่งหน้าตาจะเหมือน Dock บน macOS ซึ่งเราสามารถเรียก Dock ขึ้นมาเพียงแค่ใช้นิ้วปาดขึ้นจากด้านล่าง

ios 11 wwdc 2017-20

  • Multitasking: ขณะที่เราเปิดแอพหนึ่งอยู่ เราสามารถลาก Dock ขึ้นมาและลากแอพจาก Dock มาเพื่อเปิดอีกหน้าต่างหนึ่ง ซึ่งสามารถแสดงเป็นแบบ Pop-up หรือแบบ Split View เหมือนกับ iOS 10 ได้

ios 11 wwdc 2017-27

  • App Switcher: มีการออกแบบ App Switcher ใหม่ โดย Control Center จะย้ายไปอยู่ด้านข้างของ App Switcher เนื่องจากเมื่อปาดนิ้วขึ้นจะเปลี่ยนเป็น Dock แล้ว

ios 11 wwdc 2017-21

  • Drag & Drop: เมื่อเราเปิดแอพ 2 แอพพร้อมกัน เราสามารถลาก URL, รูปภาพ, ตัวอักษร และอื่น ๆ ข้ามไปยังอีกแอพนึงได้
  • Multi-Select: เมื่อเราทำการเลือกไฟล์หรือรูปภาพ เราสามารถใช้นิ้วอีกมือจิ้มรูปอื่นเพื่อเลือกหลาย ๆ รูปได้
  • QuickType: เราสามารถใช้นิ้วปาดลง เพื่อพิมพ์ตัวอักษรที่อยู่ด้านบน โดยไม่ต้องกด Shift

 

  • File: แอพ File จะเป็นการรวมบริการ Cloud ทั้งหมดมาไว้ในที่เดียวกัน เช่น iCloud Drive, Dropbox, Google Drive เป็นต้น โดยสามารถ ใส่ Tag, ทำ Favorite Folder ได้

ios 11 wwdc 2017-23

  • Markup: สามารถใช้นิ้วหรือ Apple Pencil วาดหรือเขียนโน้ตลงไปใน Safari, ไฟล์ PDF ได้เลยโดยไม่ต้องพึ่งแอพนอก และเมื่อทำการแคปหน้าจอเราสามารถเขียนอะไรลงไปบนรูปได้เลยโดยไม่ต้องเข้าไปที่ Camera Roll

ios 11 wwdc 2017-25

  • Instant Notes: สามารถใช้ Apple Pencil เคาะที่หน้า Lock Screen แล้วจะเด้งไปที่หน้า Notes ได้ทันที
  • Searchable writing: สามารถพิมพ์ค้นหาข้อความที่เราเขียนลงไปได้
  • Inline drawing: สามารถแทรกรูปที่วาดลงไปบน Notes ได้
  • Document Camera: สามารถถ่ายรูปหรือสแกนเอกสารได้แล้ว

ios 11 wwdc 2017-26

อัพเดทได้เมื่อไหร่

iOS 11 จะเปิดให้คนทั่วไปสามารถ Update ได้ในฤดูใบไม้ร่วง (ประมาณเดือนกันยายน หลังเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ปีนี้) และแน่นอนว่าจะเปิดให้นักพัฒนาทดลองใช้เวอร์ชัน Beta ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ส่วนผู้ใช้ทั่วไปสามารถเข้าไปลงชื่อได้ที่ Apple Beta Software Program เพื่อรอทดสอบ Public Beta ได้แล้ว ซึ่งน่าจะมาหลังจาก Beta สำหรับนักพัฒนาไม่นานนัก

เครื่องไหนรองรับบ้าง ??

สำหรับ iPhone ตอนนี้แอปเปิลได้ลอยแพ iPhone 5 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วน iPad ตอนนี้รองรับ iPad รุ่นที่ 5 ที่พึ่งเปิดตัวไป, iPad mini 2 ขึ้นไป, iPad Air 1 และ 2, iPad Pro ทุกรุ่น และ iPod touch รุ่นที่ 6

 

Leave a Reply

 

ขอบคุณ macthai

]]>
เผยแบต Apple Watch Series 3 อยู่ได้ 18 ชม. แต่โทรผ่าน LTE อยู่ได้แค่ชั่วโมงเดียว https://2hand2cash.com/%e0%b9%80%e0%b8%9c%e0%b8%a2%e0%b9%81%e0%b8%9a%e0%b8%95-apple-watch-series-3-%e0%b8%ad%e0%b8%a2%e0%b8%b9%e0%b9%88%e0%b9%84%e0%b8%94%e0%b9%89-18-%e0%b8%8a%e0%b8%a1-%e0%b9%81%e0%b8%95%e0%b9%88%e0%b9%82 Thu, 14 Sep 2017 08:19:55 +0000 http://2hand2cash.com/?p=821 หลังจากที่แอปเปิลเปิดตัว Apple Watch Series 3 ไปเมื่อวันก่อน ซึ่งมีฟีเจอร์เด็ดก็คือ สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่ายมือถือได้ ทำให้เราสามารถรับสาย โทรออก ใช้งาน Siri รับการแจ้งเตือนได้โดยไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับไอโฟน

แต่สิ่งที่แอปเปิลไม่ได้บอกบนเวทีนั่นก็คือเรื่องแบตเตอรี่ ผู้ใช้งาน Apple Watch รู้กันดีว่าปัญหาหลักก็คือ เรื่องแบตเตอรี่ที่อยู่ได้เพียงแค่วันเดียวเท่านั้น และจะต้องทำการชาร์จแทบทุกวัน ล่าสุดแอปเปิลได้เปิดเผยรายละเอียดเรื่องแบตเตอรี่ของ Apple Watch Series 3 บนเว็บไซต์แล้ว ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

  • สามารถใช้งานทั่วไปได้สูงสุด 18 ชั่วโมง
  • ฟังเพลงผผ่านบลูทูธได้ 10 ชั่วโมง
  • Indoor workout ได้สูงสุด 10 ชั่วโมง
  • Outdoor workout (GPS) ได้สูงสุด 5 ชั่วโมง
  • Outdoor workout (GPS + LTE) ได้สูงสุด 4 ชั่วโมง
  • สนทนาโดยการเชื่อมต่อกับไอโฟนได้สูงสุด 3 ชั่วโมง
  • สนทนาผ่าน LTE ได้สูงสุด 1 ชั่วโมง
  • สามารถชาร์จแบต 0-100% ภายใน 2 ชั่วโมง
  • สามารถชาร์จแบต 0-80% ภายใน 1.5 ชั่วโมง

 

ต้องถือว่า Apple Watch Series 3 ฟีเจอร์ใหม่ที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ตลอดเวลาเป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจมาก แต่ก็ยังคงติดปัญหาเรื่องแบตเตอรี่อยู่

 

ที่มา – Apple

]]>