ในตัวโฆษณา Apple เลือกใช้ iPhone X สั่งเปิดเพลง Palace โดย Sam Smith (Apple Music) เล่นโดยใช้ AirPods โดยขณะเล่นจะมีสปอตไลท์ส่องไปที่ผู้หญิงที่เปิดเพลงเสมือนกำลังเล่นเพลงอยู่คนเดียว และเต้นไปเรื่อย ๆ จนเจอผู้ชาย จากนั้นจึงถอด AirPods และมาฟังเพลงพร้อมเต้นด้วยกัน

ฉากในการถ่ายทำโฆษณานี้ เลือกเป็นฉากที่มีหิมะตก เพื่อให้รับกับการเข้าสู่ช่วงเทศกาลช่วงสิ้นปีซึ่งจะเป็นช่วงที่อากาศหนาว

ที่มา – The Verge

จากผลการทดสอบพบว่า การชาร์จ 30 นาที เริ่มจากแบตเตอรี่ 4% iPhone X ที่ชาร์จด้วยปลั๊ก 5W สามารถชาร์จได้ถึง 20% เท่านั้น ในขณะที่ใช้ปลั๊ก 29W สามารถชาร์จได้ถึง 50% ตามที่แอปเปิลเคลมไว้

และเมื่อลองจับเวลาไปเรื่อย ๆ จนครบ 1 ชั่วโมง ผลปรากฏว่าปลั๊ก 5W สามารถชาร์จได้เพียง 35% เท่านั้น ในขณะที่ปลั๊ก 29W สามารถชาร์จได้ถึง 80%

อย่างไรก็ตามปลั๊ก 29-87W ไม่ได้แถมมาให้ แต่ต้องซื้อแยกในราคาเริ่มต้น 1,700 บาท และจะต้องซื้อสาย USB-C to  Lightninh เพิ่มอีก 890 บาท รวมเป็น 2,590 บาท สำหรับฟีเจอร์ Fast Charging นี้ อย่างไรก็ตามสำหรับใครที่มี MacBook Pro อยู่แล้ว ก็ซื้อแค่สายชาร์จอย่างเดียว

USB-C Power Adapter ขนาด 29 วัตต์ ราคา 1,700 บาท

• USB-C Power Adapter ขนาด 61 วัตต์ ราคา 2,500 บาท
• USB-C Power Adapter ขนาด 87 วัตต์ ราคา 2,800 บาท
• USB-C to Lightning Cable (1 ม.) ราคา 890 บาท
• USB-C to Lightning Cable (2 ม.) ราคา 1,300 บาท

การเปิดช่อง Apple Support บน YouTube เป็นส่วนเติมเต็มของหน้าเว็บ apple.com/support ทั้งยังเป็นการเพิ่มช่องทางช่วยสนับสนุนการใช้งานและแก้ปัญหาของผู้ใช้ทั่วไป คือ Apple สามารถโพสต์วิดีโอแนะนำฟีเจอร์ต่าง ๆ และวิธีใช้งานเป็นขั้นตอนได้ด้วย

ในช่วงหลัง Apple จะเริ่มสื่อสารกับผู้ใช้ผ่านทางโซเชียลเน็ตเวิร์คมากยิ่งขึ้น ดังจะเห็นได้จากการเปิดใช้งานบัญชี Twitter, Facebook, Instagram และ YouTube เพิ่มเติมจากการสื่อสารผ่านทางหน้าเว็บแบบเดิม ๆ เพื่อให้เข้าถึงผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้น

สำหรับผู้สนใจสามารถเข้าชมได้ที่ YouTube – Apple Support

ที่มา – 9to5Mac